วันพุธที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2554

เกาะปากัวนิวกินี มนุษย์กินคนที่โด่งดังมากที่สุด


ปาปัวนิวกินีเป็นเกาะอยู่ทางเหนือ ของทวีปออสเตรเลีย มีพื้นที่ขนาดเท่าประเทศไทย แต่มีพลเมืองเพียงครึ่งหนึ่ง ของกรุงเทพมหานครเท่านั้น มีเมืองหลวงซึ่งเป็นเมืองท่าด้วยชื่อ ปอตมอสบี ประกอบด้วยชนเผ่าต่างๆมากกว่า 700 เผ่า แต่ละเผ่าต่างคนต่างอยู่ การเดินทางไปมาหาสู่กันลำบากมาก เพราะพื้นที่เป็นภูเขาสูงสลับซับซ้อน
แรกทีเดียวเกาะนี้มีชื่อว่านิวกินี ในราวต้นศตวรรษที่ 18 นักเดินเรือชาวยุโรปได้เดินทางหลงไปพบเกาะนี้โดยบังเอิญ ได้พบเห็นชนพื้นเมืองชาวเกาะมีผมหยิก จึงเรียกเกาะดังกล่าวว่า ปาปัวส์ ซึ่งแปลว่าพวกผมหยิก ตั้งแต่นั้นมา เกาะทางด้านใต้จึงรู้จักกันในนามปาปัว ส่วนด้านเหนือยังคงเรียกกันว่านิวกินี

ประมาณต้นศตวรรษที่ 19 มีคณะสอนศาสนา ซึ่งเป็นหญิงล้วนคณะหนึ่ง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่อารักขา ซึ่งมีอาวุธปืนทันสมัยประจำกายเดินทางไป ยังหมู่บ้านของชนเผ่าหนึ่งเพื่อสอนศาสนา เมื่อเดินทางล้ำเข้าไป ในเขตครอบครอง ของชนเผ่านั้น ก็ออกมาสกัดกั้นเพราะถือว่าเป็นการบุกรุก จึงต้องให้พวกคณะสอนศาสนาเดินทางกลับเสีย แต่คณะสอนศาสนาไม่ยอมทำตามคงเดินทางต่อไป ชาวพื้นเมืองจึงได้ใช้อาวุธอันมี มีด หอก หลาว แหลน หน้าไม้ เข้าโจมตี การต่อสู้นองเลือดจึงได้อุบัติขึ้น ทั้งสองฝ่ายบาดเจ็บและตายกันเป็นจำนวนมาก แต่ในที่สุดคณะสอนศาสนาก็ยอมแพ้เมื่อสามารถรบชนะพวกรุกรานได้แล้ว คืนนั้นจึงมีพิธีเฉลิมฉลองชัยชนะ และกินเลี้ยงกันอย่างเอิกเกริก ซุปเนื้อมนุษย์เป็นรายการอาหารสำคัญของงาน วิธีปรุงอาหารรายการนี้ง่ายมาก นำน้ำใส่หม้อดินขนาดใหญ่ต้มให้เดือด บั่นศพมนุษย์ที่ตายทั้งสองฝ่ายให้มีขนาดที่จะใส่ในหม้อนั้นได้ใส่ลงในหม้อ นำผักชนิดต่างๆ รวมทั้งมันและเผือกใส่รวมลงไปด้วย ต้มจนสุกและเปื่อยดีแล้วก็ตักออกมากินกัน ส่วนคนที่ยังไม่ตายก็มัดไว้ก่อนและค่อยๆ ฆ่าให้ตาย นำมาปรุงเป็นอาหาร กินเลี้ยงกันในคืนต่อๆ มา

ทำไมจึงกินเนื้อมนุษย์เป็นอาหารย้อนไปถึงเมื่อนักผจญภัยชาวอเมริกาใต้ เดินทางมาถึงปาปัวนิวกินี ในตอนแรกได้ตั้งรกรากกันอยู่ในบริเวณชายทะเลก่อน เพราะอาหารอุดมสมบูรณ์ดี แต่มียุงชุกชุม เป็นเหตุให้ตายกันมากเพราะไข้มาลาเรีย ทำให้ต้องอพยพกันเข้าไปในใจกลางของเกาะซึ่งมีอากาศเย็นกว่า เพราะอยู่บนเทือกเขาและยุงไม่ชุม แต่อาหารไม่อุดมสมบูรณ์ มีก็เพียงสัตว์บางชนิด เช่น แกงการู ซึ่งนานๆเข้าก็หายาก นักผจญภัยซึ่งในที่นี้เราจะเรียกเขาว่าชาวปาปัวนิวกินี ก็เริ่มขาดอาหารจำพวกโปรตีน ขาดมากๆเข้าธรรมชาตินั่นจะเป็นตัวกระตุ้น ทำให้ต้องกินกันเองเพื่อจะได้โปรตีนมาเพื่อร่างกาย นั่นคือที่มาของการกินเนื้อมนุษย์ด้วยกันของชาวปาปัวนิวกินี

การกินน้ำเหลืองของชาวปาปัวนิวกินี
คนบางเผ่าในปาปัวนิวกินี เวลามีใครตายขึ้นไม่ว่าจะเป็นญาติของตน หรือคนต่างเผ่าที่ตกอยู่ในครอบครองของตน เขาจะไม่นำศพไปฝังหรือเผา แต่จะนำศพไปไว้บนตะแกรงที่ยกพื้นสูงขนาดท่วมหัว ปล่อยให้ศพอยู่ในสภาพนั้นจนขึ้นอืด เกิดน้ำเหลืองเยิ้มไปทั้งตัวดีแล้ว ก็จะเข้าป่าหาใบไม้ที่เป็นเครื่อง เทศเอามาพับเป็นกระทงเล็กๆ (คงอย่างที่เตรียมใบชะพลูจะกินกับเมี่ยง) เหมาะที่จะมีขนาดกินคำเดียว แล้วก็เชิญพรรคพวกเพื่อนฝูงให้มารวมกันอยู่ใต้ตะแกรงศพนั้น นำเอาไม้ปลายแหลมแทงศพให้เป็นรู ให้น้ำเหลืองไหลย้อยออกมา นำกระทงใบไม้ที่เตรียมไว้ รองรับน้ำเหลืองนั้น พอได้มากดีแล้วก็กินทั้งน้ำเหลืองและใบไม้กินกันจนไม่มีน้ำเหลืองแล้วก็นำศพนี้ไปต้มซุปกับผักต่างๆ กินกันต่อไป