วันพฤหัสบดีที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2552

นครปฐมก็มีสิ่งที่สวยงาม..









วันฮาลาวีน** (Harvest)



วันที่ 31 ต.ค. เป็นวันที่ชาว เคลต์ (Celt) ซึ่งเป็นชนพื้นเมืองเผ่าหนึ่งในไอร์แลนด์ ถือกันว่า เป็นวันสิ้นสุดของฤดูร้อน และวันต่อมา คือ วันที่ 1 พ.ย. เป็นวันขึ้นปีใหม่ ซึ่งในวันที่ 31 ต.ค. นี่เองที่ชาวเคลต์เชื่อว่า เป็นวันที่มิติคนตาย และคนเป็นจะถูกเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน และวิญญาณของผู้ที่เสียชีวิตในปีที่ผ่านมาจะเที่ยวหาร่างของคนเป็นเพื่อสิงสู่ เพื่อที่จะได้มีชีวิตขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เดือดร้อนถึงคนเป็น ต้องหาทุกวิถีทางที่จะไม่ให้วิญญาณมาสิงสู่ร่างตน ชาวเคลต์จึงปิดไฟทุกดวงในบ้าน ให้อากาศหนาวเย็น และไม่เป็นที่พึงปรารถนาของบรรดาผีร้าย นอกจากนี้ยังพยายามแต่งกายให้แปลกประหลาด ปลอมตัวเป็นผีร้าย และส่งเสียงดังอึกทึก เพื่อให้ผีตัวจริงตกใจหนีหายสาบสูญไป



บางตำนานยังเล่าถึงขนาดว่า มีการเผา "คนที่คิดว่าถูกผีร้ายสิง" เป็นการเชือดไก่ให้ผีกลัวอีกต่างหาก แต่นั่นเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ก่อนคริสตกาล ที่ความคิดเรื่องผีสางยังฝังรากลึกในจิตใจมนุษย์ ต่อมาในศตวรรษแรกแห่งคริสตกาล ชาวโรมันรับประเพณีฮาโลวีนมาจากชาวเคลต์แต่ได้ตัดการเผาร่างคนที่ถูกผีสิงออก เปลี่ยนเป็นการเผาหุ่นแทน กาลเวลาผ่านไป ความเชื่อเรื่องผีจะสิงสูร่างมนุษย์เสื่อมถอยลงตามลำดับ ฮาโลวีนกลายเป็นเพียงพิธีการ การแต่งตัวเป็นผี แม่มด สัตว์ประหลาดตามแต่จะสร้างสรรค์กันไป ประเพณีฮาโลวีนเดินทางมาถึงอเมริกาในทศวรรษที่ 1840 โดยชาวไอริชที่อพยพมายังอเมริกา สำหรับประเพณี ทริกออร์ทรีต (Trick or Treat แปลว่า หลอกหรือเลี้ยง) นั้น เริ่มขึ้นในราวคริสต์ศตวรรษที่ 9 โดยชาวยุโรป ซึ่งถือว่า วันที่ 2 พ.ย. เป็นวัน 'All Souls' พวกเขาจะเดินร้องขอ 'ขนมสำหรับวิญญาณ' (soul cake) จากหมู่บ้านหนึ่งไปยังอีกหมู่บ้านหนึ่ง โดยเชื่อว่า ยิ่งให้ขนมเค้กมากเท่าไร วิญญาณของญาติผู้บริจาคก็ได้รับผลบุญ ทำให้มีโอกาสขึ้นสวรรค์ได้มากเท่านั้น


ประวัติ

ส่วนตำนานที่เกี่ยวกับฟักทองนั้น เป็นตำนานพื้นบ้านของชาวไอริช ที่กล่าวถึง แจ๊คจอมตืด ซึ่งเป็นนักเล่นกลจอมขี้เมา วันหนึ่งเขาหลอกล่อปีศาจขึ้นไปบนต้นไม้ และเขียนกากบาทไว้ที่โคนต้นไม้ ทำให้ปีศาจลงมาไม่ได้ จากนั้นเขาได้ทำข้อตกลงกับปีศาจ 'ห้ามนำสิ่งไม่ดีมาหลอกล่อเขาอีก' แล้วเขาจะปล่อยปีศาจลงจากต้นไม้ เมื่อแจ็คตายลง เขาปฏิเสธที่จะขึ้นสวรรค์ ขณะเดียวกันปฏิเสธที่จะลงนรก ปีศาจจึงให้ถ่านที่กำลังคุแก่เขา เพื่อเอาไว้ปัดเป่าความหนาวเย็นท่ามกลางความมืดมิด และแจ็คได้นำถ่านนี้ใส่ไว้ในหัวผักกาดเทอนิพที่ถูกเจาะให้กลวง เพื่อให้ไฟลุกโชติช่วงได้นานขึ้น ชาวไอริชจึงแกะสลักหัวผักกาดเทอนิพ และใส่ไฟในด้านใน อันเป็นอีกสัญลักษณ์ของวันฮาโลวีน เพื่อระลึกถึง 'การหยุดยั้งความชั่ว' Trick or Treat เพื่อส่งผลบุญให้กับญาติผู้ล่วงลับ และพิธีทางศาสนาเพื่อทำบุญวันปีใหม่ แต่เมื่อมีการฉลองฮาโลวีนในสหรัฐอเมริกา ชาวอเมริกาพบว่า ฟักทองหาง่ายกว่าหัวผักกาดมาก จึงเปลี่ยนมาใช้ฟักทองแทน หัวผักกาดจึงกลายเป็นฟักทองด้วยเหตุผลฉะนี้

วันลอยกระทงจ้า...





ประเพณีลอยกระทง ตรงกับวันเพ็ญ (วันขึ้น 15 ค่ำ) เดือน 12 (ตามปฏิทินทางจันทรคติ) ประมาณเดือนพฤศจิกายน ประเพณีนี้กำหนดขึ้นเพื่อเป็นการสะเดาะเคราะห์และขอขมาต่อแม่พระคงคา บางหลักฐานเชื่อว่าเป็นการบูชารอยพระพุทธบาทที่ริมฝั่งแม่น้ำนัมทามหานที และบางหลักฐานก็ว่าเป็นการบูชาพระอุปคุตอรหันต์หรือพระมหาสาวก สำหรับประเทศไทยประเพณีลอยกระทงได้กำหนดจัดในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณที่ติดกับแม่น้ำ ลำคลอง หรือ แหล่งน้ำต่าง ๆ ซึ่งแต่ละพื้นที่ก็จะมีเอกลักษณ์ที่น่าสนใจแตกต่างกันไป




กระทงสาย


ประเพณีลอยกระทงสาย ไหลประทีปพันดวง ถือเป็น ประเพณีของชาวเมืองตากที่นำวิถีชีวิตของบรรพชนมาผสมผสานเข้ากับความเชื่อ และหลักศาสนา ซึ่งเป็นสิ่งที่บรรพบุรุษได้ปลูกฝังและถ่ายทอดมาสู่จิตสำนึกของลูกหลานไทยมาแต่บรรพกาล ก่อให้เกิดประเพณีที่ร้อยรักรวมใจของคนเมืองตากให้เป็นหนึ่งเดียว



ในอดีต ชาวเมืองตากจะมีถิ่นอาศัยอยู่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำปิง วิถีชีวิตของชาวตากจึงมีความผูกพันกับสายน้ำที่เปรียบเสมือนสายโลหิตที่หล่อเลี้ยงชาวเมืองตากมานานหลายชั่วอายุคน จากความกตัญญูรู้คุณต่อสายน้ำ ก่อให้เกิดประเพณีที่แสดงออกถึงความกตัญญู ในคืนวันเพ็ญเดือนสิบสองชาวเมืองตากได้จัดให้มีการลอยกระทงขึ้น ประเพณีลอยกระทงสาย ไหลประทีปพันดวง เกิดจากการร่วมมือร่วมใจของชาวบ้านในหมู่บ้านในการดำเนินกิจกรรม อันเป็นความเชื่อในการจัดทำกระทงนำไปลอย เพื่อบูชารอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้า อีกทั้งยังเป็นการลอยทุกข์โศกโรคภัยให้พ้นไปจากตนเอง และขอขมาที่ได้อาศัยแม่น้ำและทิ้งของเสีย ถ่ายเทสิ่งปฏิกูลลงแม่น้ำปิง โดยใช้โอกาสนี้ในการพบปะพูดคุย จัดกิจกรรมรื่นเริงภายในหมู่บ้านอีกด้วย





ลอยกระทงสวรรค์ที่พระธาตุดอยกองมู




ลอยกระทงสวรรค์ที่พระธาตุดอยกองมู
หมูหิน.คอม พาเที่ยวลอยกระทงสวรรค์ที่พระธาตุดอยกองมู จังหวัดแม่ฮ่องสอน ประเพณีอันดีงามของเมืองสามหมอกที่มีแห่งเดียวในโลก ที่นี่ที่เดียวเท่านั้น หมูหิน.คอม





10 สิ่งที่ทำให้คุณสง่า




1.ตัวตรงอย่างเป็นธรรมชาติ

การเดินเหินและการเคลื่อนไหวที่สง่า น่าสนใจ และน่ามอง จำเป็นต้องเคลื่อนไหวอย่างผ่อนคลายและเป็นธรรมชาติ โดยมีกระดูกสันหลังทำหน้าที่หลักในแนวตั้ง และไหล่ทั้งสองข้างจะคอยช่วยเพิ่มความสง่าเวลาเคลื่อนไหว นั่นหมายถึงว่า ไหล่ต้องไม่ห่อ หลังต้องไม่งอ แต่ก็ไม่จำเป็นจะต้องเหยียดหลังตรง ผึ่งไหล่ เกร็งแข็งอยู่จนดูเหมือนหุ่นไล่กา โปรดมองหาระดับความผึ่งผายที่พอดีกับรูปร่างของคุณ ไม่ห่อ และไม่แอ่น ไม่งอ และไม่แข็งทื่อ แล้วหมั่นฝึกปรือเพื่อทรงตัวและเคลื่อนไหวในสภาพดังกล่าวเป็นธรรมชาติ นับจากนี้ไม่ว่าทำอะไร ไปทางไหน คุณก็จะดูดี มีสง่า ในสายตาของคนทั่วไปขึ้นมาอีกระดับหนึ่งเลยทีเดียว

2.ไม่เร็ว ไม่ช้า

ความสง่ายังขึ้นอยู่กับจังหวะในเวลาที่คุณเคลื่อนไหว ซึ่งต้องไม่เร็วหรือช้าจนเกินไป คนที่เคลื่อนไหวเร็วเกิน เช่น เดินเร็วมาก หันหน้าหันหลังเร็วมาก พูดเร็วมาก ฯลฯ จะดูเป็นคนร้อนรน หลุกหลิก ไม่สง่า ไม่น่าเชื่อถือ หรือเมื่อมองตามแล้วจะรู้สึกเหนื่อย ในเวลาเดียวกันก็ต้องไม่เนิบช้าเสียจนน่ารำคาญ หรือช้าจนอีกฝ่ายต้องคอยลุ้นว่า เร็วกว่านี้อีกสักหน่อยได้หรือไม่

3.พูดจาดี

ความสง่าอีกประการหนึ่ง อยู่ที่การเปล่งเสียงของคุณ ซึ่งจะต้องฉะฉาน ชัดเจน ไม่เร็วหรือช้าจนเกินไป ไม่ดังมาก หรือเบาจนเหมือนกำลังกระซิบ พลังของน้ำเสียง จังหวะของการพูด และสาระของสิ่งที่พูด หากชัดเจน เข้าใจง่าย และเป็นมิตร จะช่วยเพิ่มให้คุณยิ่งมีสง่าราศีมากยิ่งขึ้น จึงต้องฝึกพูดให้ฉะฉาน น่าฟัง เสียงทุ้มนุ่มไพเราะ พูดเพราะ มีมารยาท มีอัธยาศัย และไม่ใช้น้ำเสียงหรือการพูดเป็นอาวุธทิ่มแทงคนอื่น

4.ใบหน้าที่น่ามอง

คุณคงทราบใช่ไหมคะ ว่าคนเรามองหน้ากันก่อนเป็นสิ่งแรก ก่อนที่จะรู้สึกดี รู้สึกสนใจ และรู้สึกเชื่อถือ ใบหน้าจึงเป็น “ราคา” ของคนทุกคน ซึ่งไม่ได้หมายความว่าจะต้องหล่อเหลาราวเทพบุตร หรือสวยสุดๆ เป็นนางงามจักรวาล ขอแค่เกลี้ยงเกลา สะอาดสะอ้าน และแสดงอาการของความเป็นมิตร ความตื่นตัว สดใส ออกมาให้สัมผัสได้เท่านั้นก็เป็นพอ


5.ทรงผมที่รับกับใบหน้า

ทรงผมเหมือนกับกรอบรูป บางครั้งรูปที่เราวาดหรือถ่ายเอาไว้ ไม่เพอร์เฟกต์ แต่หากเลือกกรอบที่รับหรือส่งเสริมกันดีเข้ามาช่วย ก็สามารถเพิ่มความน่าสนใจให้เกิดแก่รูปนั้นๆ ได้ เช่นเดียวกับใบหน้าของเราทุกคน ที่อาจมีจุดเด่นและจุดอ่อน จุดเด่นสมควรได้รับการเน้น เสริม ให้ทำหน้าที่ดึงดูดอย่างโดดเด่น เช่น ตาสวย ก็ควรแต่งตาให้ยิ่งงาม แล้วลดความเข้มเด่นของริมฝีปากลง เพื่อดึงสายตาคนไปจดจ่ออยู่กับดวงตามหาเสน่ห์ เป็นต้น ส่วนจุดอ่อนก็ควรกลบ ลบ อำพราง หรือหาทางแก้ไข เช่น กรามใหญ่ โหนกแก้มสูง ปากหนา ก็มีวิธีที่จะแต่งหน้าแต่งตาเพื่อแก้ไขข้อด้อยเหล่านี้ให้ดูดีขึ้นได้ โดยเฉพาะทรงผมช่วยได้มาก

6.รองเท้าเสริมความสง่า

อย่างน้อยๆ รองเท้าช่วยให้เราดูสูงเพรียวขึ้นได้ แต่ต้องเลือกให้เป็น ขาสั้น ต้นขาใหญ่ ก็อย่าไปใส่ส้นตึก หรือรองเท้าหัวโต ที่เพิ่มความเตี้ยตันให้แก่ตนเอง ขาโก่งขากาง จะเลือกรองเท้าอย่างไรที่เราจะทรงตัวได้ง่ายขึ้น มั่นคง ซึ่งจะไม่เพิ่มภาระให้เราต้องเกร็งขาเกร็งเท้าจนมันยิ่งโก่ง ยิ่งกาง นอกจากนี้ยังต้องจับคู่ทั้งสี ทรง และความสุภาพเหมาะสมต่อกาลเทศะ ระหว่างรองเท้ากับเสื้อผ้าให้เข้ากันให้ดี ก็จะยิ่งช่วยเพิ่มความดูดี และความงามสง่าให้แก่ตัวคุณ

7.ต่างหู

หน้ากลม สั้น โหนกแก้มสูง ก็อย่าดันทุรังใส่ต่างหูทรงกลม ใหญ่ ที่จะช่วยให้สายตาของคนที่มองเข้ามามีทรงกลมนำร่อง ยิ่งมองก็ยิ่งพบว่ากลมไปหมดทั้งใบหน้า คอยาว คอสั้น ต้องเลือกต่างหูมาช่วยแก้ไขข้อด้อยให้ลงตัว อาจเพิ่มความยาวให้ใบหน้าด้วยต่างหูห้อยระย้า และเพิ่มความโดดเด่นด้วยประกายแวววาวของมัน ต่างหูมีหลายสี หลายทรง หลายรูปแบบ เลือกให้ดีๆ สง่าราศีจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว

8.ผ้าพันคอ

นิยมกันมาก ไม่ว่าหน้าร้อน หน้าฝน หรือหน้าหนาว เขาก็ออกแบบผ้าพันคอหลายชนิดให้นำมาเติมแต่งตัวเองให้ทันยุคทันสมัย โฉบเฉี่ยวไฉไลได้มากยิ่งขึ้น แต่อย่าลืมว่าผ้าพันคอหรือเครื่องประดับอื่นใดก็ตามที่จะเพิ่มเติมเข้ามา ต้องเหมาะกับสภาพภูมิอากาศ เหมาะกับกาลเทศะ ไม่เป็นอุปสรรคต่อกิจกรรมประจำวัน และต้องเข้ากับคอที่อุดสั้น หรือยาวระหงของเราด้วย

9.ดวงตา

อย่าให้ดวงตาของคุณเป็นที่กองสุมของขนตาปลอม มาสคาราที่เกาะหนาเป็นก้อนๆ แล้วแถมด้วยอายแชโดว์หนาเตอะ บางคนยังเพิ่มความประหลาดด้วยเลนส์ตาสีต่างๆ หรือไม่ก็บิ๊กอายส์ จนตาใหญ่เป็นไข่ห่าน แต่ดูไร้ประกาย ไร้แวว จนขาดชีวิตชีวา อย่าลืมว่าดวงตาเป็นประตูสู่หัวใจ หากต้องสบตาคนที่ขนตาหนาหนักเป็นแผงใหญ่ และรกเรื้อไปด้วยสีสันของเครื่องสำอางสารพัดอย่าง คนที่มองเขาจะรู้สึกอึดอัด หรือรำคาญ มากกว่าจะรู้สึกติดตราตรึงใจ ตาจะต้องสะอาดสะอ้าน อาจโฉบเฉี่ยว เฉียบคมได้ แต่ไม่ได้แปลว่าต้องโปะอะไรต่อมิอะไรลงไปมากๆ ประกายตาต้องมีชีวิตชีวา น่าสนใจ และเป็นมิตร เพราะไม่ว่าพูด มอง หรือคลุกคลีกันนานไม่นานแค่ไหน ส่วนใหญ่ก็ต้องสบตากันเป็นระยะๆ ทั้งนั้น หากเอาแต่หลุบลู่ ไม่มองดูตาใคร ไม่สบตา ไม่มีชีวิตชีวา ไม่สื่อสารความรู้สึก ตาก็จะกลายเป็นของดีที่ไม่เปล่งประสิทธิภาพในการเพิ่มความสง่าไปอย่างน่าเสียดาย

10.รูปร่าง

รูปร่างที่สูงโปร่งสมส่วน จะทำให้ดูปราดเปรียว คล่องแคล่ว เลือกเสื้อผ้ามาเสริมความสง่าได้ง่าย ดังนั้นหมั่นดูแลขนาดของรูปร่างที่ดีๆ เอาไว้ ต้องฟิตและเฟิร์มอยู่เสมอ เคลื่อนไหวไปทางไหน ก็อยู่ในสายตาของทุกๆ คนได้ไม่ยาก

ปัญหา "เซ็กส์" วัยเรียนลดได้ เพียงเข้าใจให้ถูกต้อง

จากผลการสำรวจของหลายหน่วยงานออกมาตรงกันว่า วันวาเลนไทน์ เป็นวันที่วัยรุ่นจะมีเพศสัมพันธ์กันมาก ด้วยเหตุนี้ หลายหน่วยงานจึงตระหนักและหันมาให้ความสำคัญกับการให้ความรู้และทำความเข้าใจเรื่องเซ็กส์ที่ถูกต้องแก่กลุ่มวัยรุ่น ซึ่งเป็นวัยที่กำลังอยากรู้อยากลอง



สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ ศึกษาเยาวชนเขต กทม.และปริมณฑล อายุระหว่าง 10-24 ปี จำนวน 1,578 คน เรื่อง "ทัศนคติเรื่องเพศและพฤติกรรมในวันวาเลนไทน์" พบว่า หากคนรักขอมีเพศสัมพันธ์ในวันวาเลนไทน์ วัยรุ่น 1 ใน 3 บอกว่าไม่ยอมแม้จะต้องเลิกคบ เหตุผลที่ทำให้มีเพศสัมพันธ์ 5 อันดับแรก คือ ความรัก อารมณ์พาไป อยากรู้อยากลอง ความพอใจ และการแต่งงาน ตามลำดับ

จากการสำรวจพบว่า เด็ก 45.1% เรียนรู้เรื่องเพศจากอินเทอร์เน็ต ในนั้นมีเรื่องเพศอยู่กว่า 400 ล้านเวบไซต์ เฉพาะในไทยมี 1.3 ล้าน แต่ถ้าถามว่าเป็นเวบไซต์ที่ส่งเสริมเรื่องการเรียนรู้เรื่องเพศอย่างเหมาะสม โดยส่วนตัวคิดว่ามีไม่ถึง 1% ที่เด็กสามารถเข้าถึงข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตได้ง่าย เพราะไม่มีการควบคุม และในส่วนการเก็บข้อมูลการค้นหาคำในอินเทอร์เน็ตของไทย คำว่า "แอบถ่าย" เป็นคำยอดฮิตอันดับ 4 ที่ถูกค้นหามากที่สุด ตอนนี้คลิปวิดีโอลามกมีเยอะมาก ในอนาคตถามว่าเด็กจะเรียนรู้เรื่องเพศอย่างไรไม่มีใครตอบได้ แต่ปัญหาเรื่องเพศน่าจะรุนแรงขึ้น คิดว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องนำปัญหาเอาปัญหาเหล่านี้มาตีแผ่และหาแนวทางแก้ไขที่ถูกต้อง


"การมีแฟนในวัยรุ่น 90% ต้องเลิกกัน ไปไม่ถึงการแต่งงาน ที่ได้แต่งงานกันถึงจะมี แต่น้อยมาก กว่าจะไปเจอคู่ครองจริงๆ ส่วนใหญ่จะมีอายุ 20 กว่าปีขึ้นไป ในช่วงวาเลนไทน์มีตัวเลขจากหลายหน่วยงานบอกตรงกันว่า ในวันนี้เด็กจะมีเพศสัมพันธ์กันมาก สิ่งที่พยายามรณรงค์กัน คงไม่เน้นว่าให้มีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัยเพียงอย่างเดียว แต่ต้องทำให้วัยรุ่นเข้าใจว่า วัยใดที่สมควรมีเพศสัมพันธ์ แล้วความหมายของมันคืออะไร ความรักคืออะไร เพราะการมีแฟนไม่ใช่เรื่องผิด"

"การแสดงออกถึงความรักของวัยรุ่นสมัยนี้ แทนที่จะแสดงออกทางด้านจิตใจ แต่กลับกลายเป็นการแสดงออกทางด้านร่างกาย จับมือ หอมแก้ม กอดกัน เหตุผลก็เพราะว่าสังคมไทยรับวัฒนธรรมตะวันตกเข้ามาโดยไม่ได้คัดกรองว่าสิ่งนั้นเหมาะสมหรือไม่ เวลาที่ผู้ใหญ่เห็นเด็กเดินจูงมือกัน จูบกัน เขาจะมองว่าทำไมถึงทำแบบนั้น มันไม่สมควร แต่มุมมองของวัยรุ่นกลับมองว่าผู้ใหญ่ไม่เข้าใจเขา เพราะการกระทำแบบนี้ใครๆ ก็ทำกัน" เพื่อนนักเรียนบอกพฤติกรรมรักในวัยเรียน

การแก้ปัญหาเรื่องเหล่านี้ ทางที่ดีที่สุดคงมิใช่การห้ามไม่ให้วัยรุ่นมีความรัก เพราะความรักคือสิ่งสวยงาม ที่ช่วยสร้างสรรค์สิ่งสวยงามให้แก่โลกใบนี้ วิธีการที่ดีที่สุดในการยุติปัญหาที่นับวันจะทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ นี้ คงหนีไม่พ้นการให้ความรู้ และทำความเข้าใจเรื่องเพศที่ถูกต้องให้แก่กลุ่มเยาวชน เพื่อเขาจะได้มีความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องเรื่องเซ็กส์

ดูแลยีนส์สีเข้มไม่ให้ซีดจาง

ยีนส์สีเข้มตัวใหม่เอี่ยม

เนื้อผ้ามักแข็งกระด้าง สีเข้ม เพราะยังไม่เคยผ่านขั้นตอนการซักทำความสะอาด ควรใช้งานยีนส์ใหม่ตัวนี้ให้มากที่สุดก่อนที่จะซักครั้งแรก 3-6 เดือนเต็มๆ กำลังดี ใส่ให้เต็มที่ก่อนซักครั้งแรก ระหว่างนี้อาจผึ่งแดดผึ่งลมได้บ้าง มีคนว่าไว้ กางเกงยีนส์เปรียบได้ดังหนังแท้ชั้นที่สองของร่างกาย ยิ่งยีนส์สีน้ำเงินเข้มเหมือนเป็นเนื้อผ้าที่มีชีวิต ยิ่งใส่มากเท่าไร ยีนส์จะยิ่งสวย และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากขึ้น ถ้ามีรอยเลอะเปรอะเปื้อนเป็นจุด อย่าพยายามซักออกเฉพาะจุด เพราะจะทำให้ความเข้มในแต่ละจุดจางหาย และยีนส์สวยก็จะกลายเป็นสีกระดำกระด่าง เข้มบ้างซีดบ้าง หมดสวยไปเปล่าๆ ไว้รอซักทีเดียวเลยค่ะ





วิธีซักยีนส์

กลับด้านในกางเกงยีนส์ออกก่อน แล้วค่อยใส่เครื่องซักผ้า ถ้าต้องการให้สีซีดลงอย่างเป็นธรรมชาติและตามขั้นตอนถูกต้อง ให้ซักที่อุณหภูมิ 60 องศาฟาเรนไฮต์ ถ้าต้องการคงความเข้มของสียีนส์ไว้ ให้ซักในอุณหภูมิ 40 องศาฟาเรนไฮต์ หรือซักด้วยน้ำเย็นนั่นเอง การใส่ถุงตาข่ายและเลือกรอบซักแบบนุ่มนวลที่สุด (Delicate cycle) ก็จะช่วยถนอมยีนส์และคงคาแร็กเตอร์ เช่น ริ้ว ลายเส้น และรอยขาดที่คุณชื่นชอบไว้ได้ดี เมื่อซักเสร็จ ให้กลับเอาด้านนอกออกมา สะบัดกางเกงให้เข้ารูป แล้วตากให้แห้งโดยการแขวน อย่าใส่เครื่องอบผ้าเด็ดขาด เพราะนั่นคือตัวการที่ทำให้สีซีดจาง

***ที่สำคัญหากซักยีนส์สีเข้มเป็นครั้งแรก ควรซักเพียงตัวเดียวเพื่อความแน่ใจว่าสีไม่ตกไปใส่ตัวอื่น ถ้าอยากมั่นใจว่าลุคส์เดิมยังคงอยู่จริงๆ แม้จะผ่านการซักแล้วก็ตาม ให้ส่งซักแห้งแทนค่ะ เพื่อเป็นการกำจัดฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกเท่านั้น แต่จะไม่ผ่านกระบวนการสีจางหรือซีดลงแต่อย่างใด เพราะไม่มี "น้ำ" เป็นส่วนประกอบในการซักทำความสะอาดนั่นเอง

สารพันปัญหา..สิว




สิวเสี้ยนเกิดจากการอุดตันภายในรูขุมขน ไม่ว่าการอุดตันนั้นจะเกิดจากการทำความสะอาดได้ไม่ดีพอ หรือจากการใช้ผลิตภัณฑ์ในการดูแลผิวที่ก่อให้เกิดการอุดตันก็ตาม การดูดสิวเสี้ยนจะยิ่งทำให้รูขุมขนกว้างขึ้น ทำให้เกิดการอุดตันได้ง่ายขึ้น และทำให้สิวเสี้ยนเกิดขึ้นได้ซ้ำอีกคนที่มีผิวมัน ต้องพยายามเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ในการดูแลผิวที่ปราศจากน้ำมัน 100% รวมทั้งเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ในการควบคุมความมันร่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็นฟิล์มซับมัน หรือแป้งที่มีคุณสมบัติในการดูดซับความมัน ฯลฯ ถ้าควบคุมความมันได้ ปัญหาสิวก็จะลดลงค่ะ ส่วนรอยแผลดำ ๆ จากสิว เกิดจากการอักเสบของสิว การบีบหรือแกะสิว ซึ่งทำให้ผิวปกป้องตนเองด้วยการปล่อยเม็ดสีออกมาในบริเวณนั้น และเกิดเป็นรอยดำ ซึ่งรอยดำเหล่านี้จะค่อย ๆ จางลงไปได้เองตามกระบวนการผลัดเปลี่ยนเซลล์ของผิว โดยไม่ต้องทำอะไรเลยค่ะ แต่ถ้าใจร้อนอยากให้รอยแผลจางลงเร็วขึ้น ในปัจจุบันก็มีการใช้โลชั่นที่มีส่วนผสมของ AHA หรือ BHA ในปริมาณความเข้มข้นไม่เกิน 5% ทาบาง ๆ ทุกวัน เช้า - เย็น ก็จะทำให้รอยจางลงได้ แต่ต้องแน่ใจว่าผิวไม่แพ้สารเหล่านี้นะคะ

ทำอย่างไรให้สิวหาย

1. ทำความสะอาดปลอกหมอน ผ้าปูที่นอนให้บ่อยขึ้น
2. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่เหมาะกับสภาพผิวโดยไม่ต้องใช้หลายยี่ห้อ เลือกชนิดที่ผิวหน้าไม่แห้งตึง และไม่เหนียวเหนอะหนะ ล้างหน้าให้สะอาดโดยเฉพาะตอนเย็น ควรล้างด้วยเคล็นเซอร์อย่างน้อย 2 - 3 ครั้ง
3. ช่วงที่เป็นสิว แนะนำให้หยุดครีมบำรุงผิวไว้ก่อนนะคะ แก้ปัญหาสิวให้จบ แล้วค่อยบำรุงทีหลังก็ไม่สายค่ะ
4. พยายามนอนให้เร็วขึ้น และอย่าให้ท้องผูก
5. ความเครียด การคิดมาก ก็เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เป็นสิว หาอะไรทำให้ผ่อนคลาย อ่านหนังสือ ฟังเพลง ฯลฯ
6. อย่าเพิ่งใช้ยาอะไรทาผิวหน้าในช่วงนี้ รักษาความสะอาดให้ดีก่อน แล้วปัญหาสิวจะค่อย ๆ ลดลงได้เองค่ะ หลีกเลี่ยงการใช้มือจับหน้าในระหว่างวัน และไม่ควรใช้ผ้าขนหนูเช็ดหน้านะคะ ให้ใช้กระดาษทิชชูกล่องซับแทน ฯลฯ

สถานที่ท่องเที่ยวที่เชียงใหม่











วัดพระสิงห์วรวิหาร

อยู่ถนนสามล้าน ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมือง พญาผายูกษัตริย์องค์ที่ ๕ ในราชวงศ์เม็งรายโปรดเกล้าฯ ให้สร้างวัดนี้ขึ้น ในปีพ.ศ. ๑๘๘๘ พร้อมทั้งสร้างพระเจดีย์สูง ๒๔ ศอกองค์หนึ่ง เพื่อใช้เป็นที่บรรจุอัฐิของพญาคำฟู พระราชบิดา มีพระพุทธรูปที่สำคัญอยู่องค์หนึ่งคือพระพุทธสิหิงค์เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยขัดสมาธิเพชร ตามประวัติเล่าว่าเจ้ามหาพรหมได้เชิญพระสิงห์มาจากเมืองกำแพงเพชรเพื่อถวายแด่พระเจ้าแสนเมืองมา แต่พอราชรถมาถึงวัดมีเหตุให้ต้องอัญเชิญประดิษฐานไว้ที่นี่ เมื่อถึงเทศกาลสงกรานต์ชาวเมืองจะอัญเชิญพระพุทธรูปองค์นี้แห่ไปตามถนนรอบเมืองเพื่อให้ประชาชนสรงน้ำโดยทั่วกัน ในวิหารลายคำซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์ยังมีจิตรกรรมฝาผนังเรื่องสุพรรณหงส์ และสังข์ทองซึ่งพบเพียงที่นี่แห่งเดียว ยังมีศิลปกรรมอื่นๆ ที่น่าชม ได้แก่ พระอุโบสถตกแต่งแบบศิลปะล้านนา หอไตรประดับด้วยรูปปูนปั้นเทวดา และเจดีย์ทรงกลมแบบล้านนา


สวนสัตว์เชียงใหม่


ตั้งอยู่ที่สุดถนนห้วยแก้วบริเวณตีนดอยสุเทพ เป็นสวนสัตว์ขนาดใหญ่ได้รับการจัดสภาพอย่างดี บริเวณกว้างขวาง มีบรรยากาศร่มรื่น และมีสัตว์อยู่มากกว่า ๒,๐๐๐ ชนิด ทั้งที่มีอยู่ในเมืองไทยและนำมาจากต่างประเทศ ภายในสวนสัตว์ยังมีอุทยานสัตว์น้ำ ๗๐๐ ปี ศรีนครพิงค์ สวนนกเพนกวิน และสวนนกฟิ้นซ์ซึ่งเป็นนกขนาดเล็กที่มีสีสันสวยงามจนได้รับการขนานนามว่าเป็น อัญมณีบินได้
เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา ๐๘.๐๐ - ๒๑.๐๐ น. เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้มีโอกาสเฝ้าชมพฤติกรรมสัตว์ยามค่ำคืน ค่าเข้าชมผู้ใหญ่ บาท เด็ก ๕ บาท ค่ารถคันละ ๕๐ บาท รายละเอียดสอบถามที่ประชาสัมพันธ์สวนสัตว์เชียงใหม่ โทร.๐๕๓-๒๑๐๓๗๔


พระบรมธาตุดอยสุเทพ

พระบรมธาตุดอยสุเทพเป็นปูชนียสถานที่สำคัญยิ่งของเมืองเชียงใหม่ ประดิษฐานอยู่บนดอยสุเทพ สูงจากระดับน้ำทะเล ๑๐๐๐ เมตร ตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันตกของตัวเมือง ห่างจากตัวเมืองเก่าประมาณ ๑๐ กิโลเมตร สามารถมองเห็นจากตัวเมืองได้ชัดเจน และเมื่อขึ้นไปอยู่ที่พระบรมธาตุ ก็จะเห็นตัวเมืองเชียงใหม่ได้ทั้งหมด มีบันไดนาคเจ็ดเศียรทอดจากทางขึ้นไปถึงซุ้มประตูวัด จำนวน ๓๐๐ ขั้น ุ องค์พระบรมธาตุสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๑๙๑๖ โดยพระเจ้ากือนา กษรัตริย์องค์ที่ ๖ ของราชวงค์เม็งราย เพื่อบรรจุบรรจุพระบรมสารีริกธาตุส่วนพระเศียรของพระพุทธเจ้า ต่อมาครูบาศรีวิชัยได้บอกบุญชักชวนชาวเหนือ ให้ช่วยกันสร้างถนนจากเชิงดอยไปจนถึงยอดดอย ณ ที่ตั้งพระบรมธาต องค์พระบรมธาตุประดิษฐานอยู่ใต้ดินลึกลงไป ๘ ศอก ดังนั้นจึงห้ามมิให้สตรีเข้าไปภายในฐานเจดีย์ และก่อนที่จะเข้าสู่ภายในบริเวณองค์พระบรมธาตุ ต้องถอดรองเท้าไว้ที่เชิงบันไดเสียก่อน ในวันวิสาขบูชาของทุกปี หรือวันเพ็ญเดือน 6 จะมีประเพณีการเดินขึ้นดอยสุเทพเป็นประจำ เพื่อนมัสการพระธาตุดอยสุเทพถือเป็นสิริมงคลและได้กุศลแรง